โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ นับเป็นอีกหนึ่งปัญหาสำคัญของประเทศไทย เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ชี้ให้เห็นว่า หลายคนขาดความรู้และความเข้าใจที่ถูกต้อง เกี่ยวกับการป้องกันตนเองจากการติดโรค ซึ่งการขาดความตระหนักรู้นี้ส่งผลให้มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญมีกลุ่มเยาวชนอายุ 15-24 ปี เป็นหนึ่งในกลุ่มผู้ป่วยที่มีการติดเชื้อมากที่สุด วันนี้ Mamastory จะพาไปทำความเข้าใจกับ หนองในแท้ (Gonorrhea) หนึ่งในโรคติดต่อทางเพศ ที่พบได้มากกว่า 50% ของผู้ติดเชื้อ ว่ามีอาการ สาเหตุ และวิธีรักษาอย่างไรบ้าง
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์คืออะไร ?
เดิมทีแล้วโรคนี้ถูกเรียกว่า “กามโรค” (venereal diseases) ซึ่งในปัจจุบัน มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น และมีการติดเชื้อที่หลายโรคเพิ่มขึ้น จึงเปลี่ยนชื่อเป็น “โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์” (sexually transmitted infections, STIs) เป็นกลุ่มโรคที่เกิดจากการติดต่อ ผ่านทางการมีเพศสัมพันธ์ ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่ป่วยโดยตรง หรือผู้ที่ได้รับเชื้อทางอ้อม โดยการติดเชื้อทางการมีเพศสัมพันธ์ นับรวมไปถึงการร่วมเพศทางช่องคลอด ทางปาก และทางทวารหนัก โดยมีโรคที่มักพบได้บ่อยได้แก่ ซิฟิลิส, หนองในแท้, หนองในเทียม, เริม และเอชพีวี
โรคหนองในแท้คืออะไร ?
หนองในแท้ หรือ Gonorrhea เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ที่สามารถเกิดขึ้นได้ ทั้งในเพศชายและเพศหญิง โรคนี้นับเป็นการติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบได้กว่า 50% นับเป็นอันดับต้น ๆ ของกลุ่มโรคติดต่อ มีสาเหตุการเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย Neisseria Gonorrhoeae โดยการติดเชื้อหนองในแท้ ส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นที่อวัยวะเพศ ทวารหนัก ลำคอ เป็นส่วนมาก
โดยส่วนใหญ่แล้ว ผู้ป่วยโรคนี้มักมีอาการติดต่อจากการมีเพศสัมพันธ์ กับผู้ที่ติดเชื้อของโรคนี้ หรือติดเชื้อจากการสัมผัสของเหลวในร่างกาย หรือสารคัดหลั่ง รวมไปถึงการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่สวมถุงยางอนามัย ซึ่งโรคนี้หากผู้ติดเชื้อกำลังตั้งครรภ์ สามารถติดต่อจากแม่ไปสู่ทารกในช่วงระหว่างคลอดได้
อาการของหนองในแท้
โดยปกติแล้ว โรคหนองในแท้มักแสดงอาการในเวลา 2 สัปดาห์ หลังจากได้รับเชื้อ แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีผู้ป่วยที่ไม่มีอาการจนเวลาผ่านไปหลายเดือน ซึ่งมีผู้หญิงกว่าครึ่งที่ป่วยโรคนี้และไม่แสดงอาการ ส่วนในผู้ชายมี 1 ใน 10 ที่ป่วยติดเชื้อ แต่ไม่มีอาการแสดงที่ชัดเจน ทำให้ไม่รู้ตัวและไม่ได้รับการรักษาที่ถูกวิธี อาการของโรคหนองใน ทั้งชายและหญิงจะมีอาการคล้ายกัน หากติดเชื้อบริเวณทวารหนัก ในช่องคอ ดวงตา หรือข้อต่อ จะแสดงอาการแตกต่างกันไปตามบริเวณที่ติดเชื้อ ดังนี้
- หนองในบริเวณทวารหนัก : มีอาการรู้สึกปวดหรือเจ็บ อาจมีของเหลวขับออกมาบริเวณทวารหนัก
- หนองในบริเวณลำคอ : มีอาการเจ็บคอ ต่อมน้ำเหลืองโต
- หนองในบริเวณดวงตา : มีอาการระคายเคืองที่ดวงตา ตาบวม มีของเหลวไหลออกจากดวงตา
- หนองในบริเวณข้อต่อ : บวมแดง รู้สึกปวดขณะเคลื่อนไหวบริเวณข้อต่อที่ติดเชื้อ
อาการหนองในผู้ชาย
- ขณะปัสสาวะมีอาการแสบขัด
- หลังจากมีเพศสัมพันธ์ จะมีหนองเหลืองหรือเขียว ไหลออกจากปลายอวัยวะเพศ
- ถุงอัณฑะบวม
- ปลายหนังหุ้มอวัยวะเพศอักเสบ
- ปวด ฟกช้ำ บริเวณลูกอัณฑะข้างใดข้างหนึ่ง
- หนองในที่ลำคอไม่แสดงอาการชัดเจน
- มีของเหลวออกจากทวารหนัก
อาการหนองในผู้หญิง
- ช่วงมีประจำเดือนจะเสี่ยงเกิดภาวะแทรกซ้อนกว่าชาย
- ขณะปัสสาวะมีอาการแสบขัด
- มีของเหลวออกจากช่องคลอดมากผิดปกติ
- ประจำเดือนมาไม่ปกติ
- ปวดอุ้งเชิงกรานขณะมีเพศสัมพันธ์
- ตกขาว สีเหลือง หรือสีเขียวผิดปกติ
- ช่วงที่ไม่มีประจำเดือน มักมีเลือดออกจากช่องคลอด
- เจ็บหรือฟกช้ำ บริเวณท้องน้อย แต่พบได้ไม่บ่อย
- มีเลือดออกระหว่างรอบเดือนและหลังการมีเพศสัมพันธ์ หรือประจำเดือนมามากผิดปกติ ซึ่งเป็นอาการที่พบได้น้อย
ปัจจัยเสี่ยงติดเชื้อหนองในแท้
- อายุยังน้อย
- มีการเปลี่ยนคู่นอนใหม่
- มีคู่นอนหลายคน
- ใช้คู่นอนร่วมกับผู้อื่น
- ไม่ใช้ถุงยางอนามัยขณะมีเพศสัมพันธ์
- ติดยาเสพติด
- เคยตรวจพบว่าเป็นโรคหนองในมาก่อน
- ป่วยเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ชนิดอื่น เช่น โรคซิฟิลิส
ภาวะแทรกซ้อนของโรคหนองใน
1. ภาวะมีบุตรยากในเพศหญิง
เชื้อหนองในสามารถแพร่กระจายไปยังมดลูกและท่อนำไข่ เป็นสาเหตุของการติดเชื้อและอักเสบในอุ้งเชิงกราน ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดพังผืดที่ท่อนำไข่ เสี่ยงต่อการท้องนอกมดลูก, อาการปวดเชิงกรานระยะยาว, ภาวะมีบุตรยาก รวมถึงภาวะแทรกซ้อนขณะตั้งครรภ์ การติดเชื้อในอุ้งเชิงกรานถือเป็นการติดเชื้อชนิดร้ายแรงที่ต้องได้รับการรักษาโดยด่วน
บทความที่เกี่ยวข้อง : ท้องนอกมดลูก เกิดจากอะไร อาการแบบไหนเสี่ยงต่อการท้องนอกมดลูก?
2. ภาวะมีบุตรยากในเพศชาย
โรคหนองในที่ไม่ได้รับการรักษา อาจส่งผลให้อัณฑะอักเสบ ซึ่งเป็นการอักเสบของท่อม้วนขนาดเล็ก ในส่วนหลังของลูกอัณฑะที่มีท่ออสุจิอยู่ โดยภาวะนี้หากไม่ได้รับการรักษา สามารถนำไปสู่การเกิดภาวะมีบุตรยากในที่สุด
3. การติดเชื้อแพร่ไปยังข้อต่อและส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย
เชื้อแบคทีเรียต้นเหตุของโรคหนองในแท้ สามารถแพร่กระจายผ่านกระแสเลือด ส่งผลให้มีการติดเชื้อที่อวัยวะส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย อาจมีการติดเชื้อบริเวณข้อต่อ ที่ทำให้มีอาการเจ็บผิวหนัง ปวดข้อต่อ เป็นไข้ ผื่นขึ้น บวม และรู้สึกเมื่อยตามมา
4. เสี่ยงต่อติดเชื้อเอชไอวีหรือเชื้อเอดส์
โรคหนองในจะส่งผลให้ผู้ป่วย ไวต่อการติดเชื้อเอชไอวี ซึ่งเป็นนำไปสู่โรคเอดส์ และผู้ที่ติดเชื้อทั้งโรคหนองในแท้และโรคเอชไอวี จะสามารถแพร่กระจายโรคนี้ ไปสู่คู่นอนได้เร็วกว่าปกติ
5. ภาวะแทรกซ้อนในทารก
การได้รับเชื้อหนองในแท้จากแม่ระหว่างตั้งครรภ์ อาจส่งผลต่อการมองเห็นของทารกจนทำให้ตาบอด และเกิดการติดเชื้อรุนแรงที่อวัยวะอื่น ๆ ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อชีวิตของทารกได้
โดยส่วนใหญ่แล้ว มักพบว่าโรคนี้มีอาการแทรกซ้อน เช่น การเกิดฝีบริเวณอวัยวะเพศ ลูกอัณฑะอักเสบในผู้ชาย ส่วนผู้หญิงจะพบว่าปากมดลูกอักเสบ มีหนองที่ปากมดลูก นอกจากนี้ยังมีการติดเชื้อบริเวณปีกมดลูกและรังไข่ รวมไปถึงอาจพบภาวะแทรกซ้อนในการตั้งครรภ์ได้ด้วย นอกจากนี้ยังพบว่า บางคนยังมีการอื่นที่พบบ่อยอย่าง การติดเชื้อบริเวณข้อ การอักเสบของเอ็นรอบข้อ ผิวหนังอักเสบ การติดเชื้อที่ลิ้นหัวใจ และเยื่อหุ้มสมองอักเสบ เป็นต้น
โรคหนองในแท้ กับแม่ตั้งท้อง
โรคหนองในแท้ สามารถแพร่เชื้อจากหญิงตั้งครรภ์ไปยังทารกในช่วงรหว่างคลอดได้ ซึ่งในขณะที่คลอดลูก ทารกจะคลอดออกมาผ่านการสัมผัสเยื่อบุช่องคลอด ทารกที่ได้รับผลกระทบ มักจะแสดงอาการติดเชื้อที่ดวงตาในช่วง 2 สัปดาห์แรก ซึ่งสามารถทำให้ตาทารกบวมแดง มีของเหลวเหนียวข้นคล้ายหนองไหลออกมา หรือถึงขั้นทำให้ทารกตาบอด นอกจากนี้ อาจเกิดการติดเชื้อรุนแรงกับอวัยวะอื่น ๆ ซึ่งเป็นอันตรายต่อทารกได้
หญิงตั้งครรภ์ที่มีอาการ หรือสงสัยว่าอาจติดเชื้อ ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม รวมทั้งผู้ป่วยที่คิดว่า อาจมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ แม้จะไม่มีอาการที่แสดงเด่นชัด หรือเคยมีอาการแต่หายไปได้เอง อย่างไรก็ควรหาหมอเพื่อทำการตรวจรักษา เนื่องจากโรคหนองในแท้ที่ไม่ได้รับการตรวจรักษา อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง และเกิดการแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่นได้
วิธีการป้องกันและลดความเสี่ยงการติดหนองใน
- สวมถุงยางอนามัยทุกครั้ง เมื่อมีเพศสัมพันธ์
- หลีกเลี่ยงการเปลี่ยนคู่นอนบ่อย
- หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนที่ไม่รู้จัก
- งดการใช้ของใช้ส่วนตัว ร่วมกับผู้ป่วย
- เลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ป่วยโรคหนองใน หรือผู้ที่เคยเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น
- ตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เป็นประจำอย่างน้อย 1 ครั้ง/ปี
ถึงแม้ว่าโรคหนองใน จะเป็นโรคติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ ที่สามารถรักษาให้หายได้ ด้วยการกินหรือฉีดยาปฏิชีวนะให้ครบตามแพทย์สั่ง และสามารถป้องกันด้วยการให้ความสำคัญ กับการพาคู่นอนมาตรวจรักษา แต่การป้องกันหลักด้วยการสวมถุงยางอนามัยทุกครั้ง ที่มีเพศสัมพันธ์ และไม่ควรเปลี่ยนคู่นอนบ่อย ๆ ก็ย่อมเป็นการป้องกันและลดความเสี่ยงได้ดีกว่า การที่ต้องป่วยและมารักษาอย่างแน่นอน
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
ต่อมบาร์โธลินอักเสบ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ที่ผู้หญิงควรรู้จัก
ซิฟิลิส โรคร้ายที่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ สาเหตุ อาการ และวิธีการรักษา
ติดเชื้อหลังคลอด ภาวะแทรกซ้อนต่อแม่เด็ก สาเหตุสำคัญที่แม่ท้องเสียชีวิต!
ที่มา : 1